วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555
การเสียภาษี
ภาษีมรดก
ภาษีมรดกเป็นภาษีเก่าแก่ประเภทหนึ่ง ซึ่งจัดเก็บมาตั้งแต่สมัยโบราณโดยจัดเก็บมรดกจากกองทรัพย์มรดกของตาย และถึงแม้จะนำเงินรายได้มาสู่รัฐเป็นจำนวนน้อยก็ตามแต่ก็เป็นที่นิยมจัดเก็บโดยทั่วไปในประเทศพัฒนาแล้ว เพราะเป็นภาษีที่ยุติธรรมเนื่องจากจัดเก็บเป็นไปตามหลักความสามารถในการเสียภาษี (Ability to Pay)และไม่กระทบกระเทือนประชาชนส่วนใหญ่เพราะเก็บจากกองมรดกหรือการรับมรดกเมื่อมีการตายเกิดขึ้น
ภาษีมรดกโดยทั่วไปในภาษาอังกฤษเรียกกันว่า Death Taxes เป็นภาษีส่วนบุคคลที่เก็บจากทรัพย์สิน (Personal tax on property) หรือเป็นการเก็บจากบุคคลที่ได้รับมรดกหรือทายาทโดยคิดคำนวณจากกองทรัพย์มรดกทั้งหมดหรือส่วนแบ่งทั้งหมดของกองมรดกที่ตกทอดจากผู้ตายไปยังผู้รับมรดก หรือทายาท
ภาษีมรดกที่จัดเก็บอยู่ในประเทศต่างๆจำแนกได้เป็น
1.ภาษีมรดก (Estate Tax) หมายถึง ภาษีที่เก็บจากกองมรดกของผู้ตาย โดยเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว ทรัพย์มรดกทั้งหมดของผู้ตายจะถูกเรียกเก็บภาษีก่อน ที่เหลือจากการเก็บภาษีจึงจะตกเป็นของทายาทผู้ตาย ภาษีจะเก็บมูลค่าทั้งหมดของผู้ตาย โดยไม่คำนึงถึงจำนวนทายาทผู้รับมรดกและความสัมพันธ์ระหว่างทายาท ผู้รับมรดกกับผู้ตาย ถ้าผู้ตายไม่มีมรดกก็ไม่ต้องเสียภาษี
2.ภาษีการรับมรดก (Inheritance Tax) หมายถึง ภาษีที่เก็บจากทายาทของผู้รับแต่ละคน โดยทายาทผู้รับต้องเสียภาษีตามจำนวนหรือมูลค่าของทรัพย์มรดกที่ตนได้รับ ทั้งนี้อัตราภาษีขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างทายาทผู้รับมรดกกับผู้ตาย ทายาทที่เป็นญาติสนิทของผู้ตายจะเสียภาษีในอัตราต่ำกว่าทายาทที่เป็นญาติห่างออกไป และเป็นภาษีเท่ากันในอัตราก้าวหน้าตามจำนวนมูลค่าทรัพย์มรดกที่ทายาทแต่ละคนได้รับโดยมิได้ขึ้นอยู่กับขนาด หรือมูลค่าของกองมรดกแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี ภาษีมรดกนี้มักจะเก็บควบคู่กับภาษีการให้ (Gift Tax) โดยระบบภาษีทั้ง 2 นี้มักเป็นของคู่กัน การออกกฎหมายภาษีมรดกแต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่ออกกฎหมายภาษีการให้ประกอบด้วย หรือการออกกฎหมายภาษีการให้แต่อย่างเดียว โดยไม่ออกกฎหมายภาษีมรดกด้วย ย่อมเป็นการกระทำที่ไม่สมบูรณ์ กล่าวคือ ภาษีที่ออกบังคับเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นจะไม่สามารถบังคับใช้อย่างมีผลได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะผู้เสียภาษีย่อมจะหลีกเลี่ยงภาษรีมรดกได้ โดยการแบ่งทรัพย์มรดกให้กับทายาทก่อนที่ตยนจะเสียชีวิตในทำนองเดียวกันหากมีภาษีการให้เพียงอย่างเดียวผู้เสียภาษีก็อาจหลีกเลี่ยงได้โดยรอไว้จนเสียชีวิตจึงมอบให้(เป็นภาษีมรดก)
ภาษีการให้นั้นนอกจากจะมีวัตถุประสงค์สำคัญในการป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีมรดกแล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่ดีในการหลีกเลี่ยงภาษีเงินได้ด้วย การป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีเงินได้โดยการจัดเก็บภาษีการให้จะเป็นการป้องกันการโอนทรัพย์สินไปให้กับบุคคลในครอบครัวเดียวกัน หรือบุคคลที่เป็นเครือญาติกันเพื่อกระจายรายได้จากทรัพย์สินนั้น อันเป็นการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีในอัตราสูง
ภาษีการให้แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ภาษีการให้ที่เก็บจากผู้ให้ (Donor's Tax) กับภาษีการให้ที่เก็บจากผู้รับ (Doneer's Tax )ภาษีการให้ที่เก็บจากผู้ให้มักใช้ควบคู่กับภาษีการให้ที่เก็บจากผู้รับ (Donee's Tax) ภาษีการให้ที่เก็บจากผู้ให้มักใช้ควบคู่กับภาษีกองมรดก ส่วนภาษีการให้ที่เก็บจากผู้รับมักใช้ควบคู่กับภาษีการรับมรดก
หลักการในการจัดเก็บภาษีกองมรดก (Estate Tax)
หลักการทั่วๆไปที่ใช้ในการจัดเก็บภาษีกองมรดกที่ประเทศส่วนใหญ่ใช้ในการปฎิบัติจัดเก็บ พอสรุปหลักเกณฑ์ได้ดังนี้
1.ผู้เสียภาษี (Tax payers)
ตามหลักการผู้เสียภาษี ได้แก่ ผู้ตายหรือผู้ที่ถึงแก่ชีวิต ซึ่งผู้มีหน้าที่ยื่นแบบฯและชำระภาษีคือ ผู้จัดการกองมรดก ทายาท ผู้ครอบครองมรดกให้มีหน้าที่ยื่นแบบฯและเสียภาษีในนามของผู้ตาย ประเภทของผู้เสียภาษีหรือผู้ตาย อาจจำแนกได้โดยอาศัยหลักดังนี้
(1) หลักภูมิลำเนา
(2) หลักสัญชาติหรือหลักความเป็นพลเมือง
(3) หลักถิ่นที่อยู่
2.ฐานภาษี
ฐานของภาษีกองมรดกเดิม คือ กองมรดกรวม (Gross Estate) ของผู้ตาย สำหรับประเทศที่ใช้หลักภูมิลำเนา กองมรดกรวมแบ่งออกได้เป็น 2 กรณีคือ
(1)สำหรับผู้ตายที่มีภูมิลำเนาอยู่ภายในประเทศ กองมรดกรวม หมายถึง อสังหาริมทรัพย์ของผู้ตายในประเทศ สังหาริมทรัพย์ทั้งที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างที่อยู่ในและนอกประเทศ ทรัพย์สินของผู้ตายที่โอนให้ผู้อื่นก่อนตายภายใน 3 ปี เงินประกันชีวิต ทรัพย์สินของผู้ตายที่ยกให้บุคคลอื่นเมื่อคาดว่าตนจะตาย สิทธิเรียกร้องที่เป็นมูลหนี้หรือประโยชน์ใดๆ ที่ผู้ตายมีสิทธิได้รับและทรัพย์สินของผู้ตายที่ยกให้ผู้อื่นก่อนตาย
(2)สำหรับผู้ตายที่มิได้มีภูมิลำเนาอยู่ภายในประเทศ กองมรดกรวม หมายถึง อสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์ สิทธิเรียกร้องจากบุคคลหรือนิติบุคลที่มีภูมิลำเนาหรือสาขาในประเทศ สัญญาทรัพย์สินที่ทำการจ่ายโอนในประเทศ ไม่มีการจัดเก็บอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่นอกประเทศไม่ว่าผู้ตายจะมีภูมิลำเนาอยู่ในหรือนอกประเทศ
3.ข้อยกเว้น
กฎหมายมักกำหนดให้มีข้อยกเว้นสำหรับทรัพย์สินบางประเภท ไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นกองมรดก ได้แก่
(1)ทรัพย์สินที่ผู้ตายทำพินัยกรรมยกให้เพื่อเป็นรายได้ของแผ่นดิน
(2)มูลค่าต้นไม้ที่ปลูกในที่ดินผู้ตาย
(3)ทรัพย์สินที่ผู้ตายครอบครองในฐานะผู้พิทักษ์
(4)เงินบำเหน็จบำนาญ ซึ่งจ่ายให้ทารกในจำนวนที่เหมาะสมและสมควร
(5)มูลค่าของศิลปวัตถุ ซึ่งมอบให้เป็นสมบัติของพิพิธภัณฑ์สถานของส่วนราชการ
(6)หนังสือหรือต้นฉบับหรือผลงานทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมอบให้สถาบันทางการศึกษาเพื่อประโยชน์แห่งการศึกษาและวิทยาศาสตร์
4.อัตราภาษี
เมื่อนำกองมรดกรวมหักหนี้และภาระผูกพัน ค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อน ก็จะคำนวณภาษีมรดกที่จะต้องเสียตามอัตราที่กำหนดไว้ ซึ่งส่วนมากประเทศต่างๆจะกำหนดอัตราภเษีกองมรดกเป็นแบบอัตราก้าวหน้า (Progressive Rate)
หลักการจัดเก็บภาษีการรับมรดก (Inheritance Tax)
1.ผู้เสียภาษี
ได้แก่ ทายาทหรือผู้ที่ได้รับทรัพย์มรดกที่อาศัยอยู่ในประเทศนั้นๆ หรืออาศัยอยู่ในต่างประเทศ แต่มีมรดกอยู่ในประเทศ
2.ฐานภาษี
ได้แก่ ราคาภาษีของทรัพย์สินมรดก รวมทั้งทรัพย์สินที่ได้รับภายในระยะเวลาที่กำหนดก่อนเจ้าของมรดกตาย โดยนำมาหักค่าใช้จ่าย ได้แก่หนี้สิน ค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพ และค่าลดหย่อนตามกำหนด
3.ทรัพย์สินที่ได้รับยกเว้นภาษี ได้แก่
(1)ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับศาสนา กุศลสาธารณะ
(2)เงินที่ได้รับจากการประกันชีวิต
(3)เงินบำเหน็จบำนาญ
(4)ศิลปวัตถุที่มอบให้รัฐ
(5)เงินบริจากให้ราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา
4.อัตราภาษี
เป็นอัตราก้าวหน้า ขึ้นอยู่กับความใกล้ชิดกับผู้ตาย โดยผู้รับมรดกที่เป็นญาติสนิทกับผู้ตายมักถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าผู้รับมรดกที่เป็นญษติห่างออกไป
ผลดีของการจัดเก็บภาษีมรดก
(1)ช่วยให้ประชาชนในสังคมมีโอกาสทางเศรษฐกิจเสมอภาคและลดความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ
(2)เป็นภาษีทางตรง ผู้เสียภาษีจะผลักภาษีไม่ได้ ทำให้เกิดความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจแก่ประชาชน
(3)ทำให้เกิดการกระจายความมั่งคั่ง โดยกระจายทรัพย์สินให้แก่ญาติพี่น้องหรือสาธารณะกุศล ซึ่งเป็นการลดช่องว่างระหว่างคนร่ำรวยกับผู้มีรายได้น้อย
(4)เป็นเหตุจูงใจให้เจ้าของมรดกทำงานหรือขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมเงินไว้ให้ทายาทเสียภาษีมรดก
(5)เป็นเหตุจูงใจให้ผู้รับมรดกมีความรู้สึกว่าต้องพึ่งตนเองในการทำงานหรือลงทุนเพิ่มขึ้นโดยไม่มุ่งมรดกอย่างเดียว เนื่องจากต้องเสียภาษีมรดก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น